วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รวมฮิต App สำหรับการจดบันทึกด้วยลายมือบน iPad

รวมฮิต App สำหรับการจดบันทึกด้วยลายมือบน iPad

1. UPAD ($4.99)

เคยเป็นม้ามืดของแอพแบบ Handwriting จนเป็นที่ถูกอกถูกใจของหลายๆ คนไม่น้อย เพราะ UPAD ทำงานได้คล่องแคล่ว แถมการลากเส้นต่างๆ นั้นค่อนข้างตามมืออยู่พอสมควร ตัวแอพมี Function หลักๆ ที่เหมาะจะแทนสมุดจดได้อย่างครบครัน ตั้งแต่การเปลี่ยนสีปากกา ขนาด รวมทั้งโหมดที่เป็นปากกาไฮไลท์ นอกจากนี้ UPAD ยังขยันออก Template กระดาษออกมาอยู่เรื่อยๆ ให้เหมาะกับเทศกาลหรือประเภทงานต่างๆ เช่น Planner / Calendar

นอกจากนี้แล้ว ส่วนที่ UPAD ทำได้น่าสนใจคือการ Import PDF ไฟล์เข้ามาเป็นเอกสารในโปรแกรม ซึ่งถือว่าเหมาะมากกับคนที่คิดจะ Import e-Book เข้ามาเก็บไว้ใน iPad แล้วอ่านผ่านแอพเพื่อที่จะใช้ปากกาไฮไลท์ทำการไฮไลท์ส่วนที่สำคัญๆ เอาไว้ แถมล่าสุดผู้พัฒนายังเพิ่มความสามารถในการนำบันทึกที่กำลังเขียนอยู่สามารถขึ้นจอ Projector ได้อีกต่างหาก เรียกว่าเหมาะกับการประชุมมากเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม UPAD ก็ยังมีบักอยู่บ้างเช่นเรื่องของ Preview Note ที่บางครั้งก็กลายเป็นหน้าเปล่าๆ ทั้งที่จริงๆ บันทึกไปแล้วหลายสิบหน้า อีกทั้งยังไม่รองรับการโพสภาพจากอัลบั้มรูป แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องบอกว่าทีมงาน UPAD ก็ยังคงทยอยอัพเดทอยู่เรื่อย ดังเช่นที่เคยพัฒนาเรื่องระบบจัด Folder เป็นแอพแรกๆ ก่อนที่แอพอื่นๆ จะทำตาม จึงไม่แปลกที่ UPAD จะอยู่ในแนวหน้าของแอพประเภท Handwriting

ปล. UPAD มีแบบ Lite Version ให้ลอง Download มาใช้งานก่อนด้วยนะครับ -> iTunes Link

2. Noteshelf ($4.99)

อีกแอพที่แต่ก่อนถูกมองข้ามเนื่องจาก Feature ต่างๆ ไม่โดนใจแถมโดนคู่แข่งแซงหน้าไป แต่หลังจาก Update ตัวล่าสุดแล้ว Noteshelf ผงาดกลับมาเป็นแอพที่ครบเครื่องในชั้นแนวหน้าด้วยความสามารถที่พอๆ กับคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ Zoom พื้นที่เฉพาะเพื่อให้สามารถเขียนได้สะดวกยิ่งขึ้น การจัด Shelf หนังสือแบบหมวดหมู่พร้อมกับจัดเรียงได้เอง การเลือกสี ขนาดเส้น ชนิดของปากกา แถมยังมีบรรดา Emoiticon ต่างๆ ให้ใช้ได้ด้วยอีก

สิ่งที่ Noteshelf เพิ่มมาในเวอร์ชั่นหลังๆ แล้วทำให้แอพกลับมานิยมคือระบบ Cut&Paste การสามารถนำรูปจากอัลบั้มมาแปะบน Note ได้ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะตอบโจทย์กับหลายๆ คนที่จะใช้ข้อมูลส่วนอื่นๆ มาประกอบการเขียนโน๊ต (บางคนอาจจะถนัดกับการไป Capture หน้าเวบแล้วมาแปะเพื่อ Comment เพิ่มเป็นต้น)

นอกจากนี้แล้ว Noteshelf ยังมี Template กระดาษต่างๆ ให้เลือกอีกมากตามการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นใช้งานเพื่อธุรกิจ บันเทิง ฯลฯ แถมยังสามารถสั่งซื้อเพิ่มได้จาก In-App Purchase อีกต่างหาก ซึ่งถ้ามองภาพรวมของแอพแล้วถือว่าเป็นแอพที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว

3. Notes Plus ($4.99)

อีกหนึ่งแอพที่มีความสามารถไม่แพ้คู่แข่งรายอื่นๆ แถมอาจจะมี Feature ครบครันมากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากอยากมีอ๊อฟชั่นในการใช้งานเยอะๆ เช่นการวาดเส้นอัติโนมัติ (ถ้าลากเส้นไม่ตรง มันจะทำให้ตรงเองทันที) การสร้างกราฟจากลายมือ ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นความสามารถที่เหนือกว่าคู่แข่งอยู่มากโข

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Notes Plus มีปัญหาคือการลากเส้นตามลายมือนั้น ยังไม่เนียนเท่ากับแอพคู่แข่งนัก ซึ่งอาจจะเป็นจุดที่ผู้ใช้หลายคนก็รอให้ผู้พัฒนาแก้ไขต่อไป

4. Penultimate ($1.99)

ถูกและดีน่าจะคือนิยามของ Penultimate เพราะแอพนี้ไม่มีฟังก์ชั่นความสามารถเยอะแยะเท่ากับแอพอื่นๆ แต่สิ่งที่ Penultimate ทำได้ยอดเยี่ยมมากคือการที่ลายเส้นตามมืออย่างนุ่มนวลและลื่นไหลมากราวกับใช้พู่กันเขียนลงบนกระดาษ นั่นทำให้ Penultimate ดูจะเหมาะมากกับผู้ที่ชื่นชอบการขีดๆ เขียนๆ หรือวาดภาพในการบันทึก แอพสามารถเลือกสีปากกาได้แต่ก็ไม่ได้มีชนิดของปากกาให้เลือกมากเท่าแอพอื่นๆ

นอกจากนี้แล้ว ในเวอร์ชั่นหลังๆ ของ Penultimate ยังมี Template กระดาษเช่นกระดาษโน๊ตดนตรีให้เลือกซื้อจาก In-App อีกด้วย

4 แอพด้านบนน่าจะเป็นแอพที่ถูกใจและเป็นที่นิยมของคนซึ่งชื่นชอบการจดบันทึกด้วยลายมือตัวเองบน iPad ซึ่งทีมงาน Appreview ก็ขอแนะนำ Feature สำคัญๆ ที่ควรจะใช้ในบรรดาแอพเหล่านี้

1. Close Up Handwriting (Zoom) เป็นวิธีที่แอพจะขึ้นพื้นที่เขียนเฉพาะขึ้นมาให้เราได้ลากเส้นแบบถนัดมือมากขึ้น ทั้งนี้เพราะด้วยมุมและขนาดของ Stylus นั้นต่างจากปากกาทั่วๆ ไป ทำให้การกะระยะหรือลากเส้นต่างๆ ไม่ได้ง่ายเหมือนกับเขียนด้วยปากกาปรกติ แอพที่ดีจะมีการขึ้น Section ที่มีพื้นที่กว้างขึ้นให้เราได้ลากเส้นได้สะดวกขึ้นก่อนที่แอพจะนำไปย่อในขนาดที่เหมาะสมบนหน้ากระดาษเอง

2. Palm Pad เป็นเหมือนแผ่นที่ช่วยให้แม้ว่าส่วนอื่นๆ มือจะสัมผัสหน้าจอแต่แอพก็จะไม่ Detect พื้นที่ดังกล่าว ทำให้เราสามารถวางมือเขียนบนหน้าจอได้โดยไม่ต้องกังวล

3. ระบบ Undo – Redo แน่นอนว่าการลากเส้นนั้นอาจจะเกิดความผิดพลาดกันได้ ถ้าไม่มีฟังก์ชั่นนี้คงจะทำให้ลำบากอยู่พอสมควร

4. ระบบ Folder / Shelf แยกแต่ละงาน เพราะจะช่่วยให้คุณบริการบันทึกของคุณได้มากขึ้น และจะช่วยได้มากหากคุณมีบันทึกหลายๆ เล่มจนจำเป็นต้องนำมารวบรวมเป็นหมวดหมู่


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น